วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2550

ประเภทของสื่อการเรียนการสอน

สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามประสบการณ์นักการศึกษาที่จัดแบ่งประเภทสื่อการสอน ตามประสบการณ์ที่ผู้เรียนจะได้รับนั้น มีอยู่ 2 ท่าน คือ เอ็ดการ์ เดล (Elgar Dale) และ เจมส์ เอส. คินเดอร์เอ็ดการ์ เดล (Edgar Dale) แห่งคณะวิชาการศึกษามหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาที่มีชื่อเสียง ได้ จำแนกประสบการณ์ทางการศึกษาที่โรงเรียนจัดให้ผู้เรียนไว้ 10 ประเภท และจัดอันดับประสบการณ์ไว้ 10 อันดับ จากประสบการณ์ที่จะสามารถช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้มากไปยังประสบการณ์ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้น้อยลงเรื่อย ๆ ตามลำดับดังนี้

1. ประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย ประสบการณ์ขั้นนี้ เป็นรากฐานสำคัญของการศึกษาทั้งปวง เป็นประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับมาจากความเป็นจริงและด้วยตัวเองโดยตรง ผู้รับประสบการณ์นี้จะได้เห็น ได้จับ ได้ทำ ได้รู้สึก และได้ดมกลิ่นจากของจริง ดังนั้นสื่อการสอนที่ไห้ประสบการณ์การเรียนรู้ในขั้นนี้ก็คือของจริงหรือความเป็นจริงในชีวิตของคนเรานั่นเอง

2. ประสบการณ์จำลอง เป็นที่ยอมรับกันว่าศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้หมดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวิต บางกรณีก็อยู่ในอดีต หรือซับซ้อนเร้นลับหรือเป็นอันตราย ไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้มีการจำลองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาเพื่อการศึกษา ของจำลองบางอย่างอาจจะเรียนได้ง่ายกว่าและสะดวกกว่า

3. ประสบการณ์นาฎการ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเรานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่สามารถประสบได้ด้วยตนเอง เช่น เหตุการณ์ในอดีต เรื่องราวในวรรณคดี การเรียนในเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ หรือเรื่องธรรมชาติที่เป็นนามธรรม การแสดงละครจะช่วยไปให้เราได้เข้าไปใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด เช่น ฉาก เครื่องแต่งตัว เครื่องมือ หุ่นต่าง ๆ เป็นต้น

4. การสาธิต การสาธิตคือ การอธิบายถึงข้อเท็จจริงหรือแบ่งความคิด หรือกระบวนการต่าง ๆให้ผู้ฟังแลเห็นไปด้วย เช่น ครูวิทยาศาสตร์เตรียมก๊าซออกซิเจนให้นักเรียนดู ก็เป็นการสาธิต การสาธิตก็เหมือนกับนาฎการ หรือการศึกษานอกสถานที่ เราถือเป็นสื่อการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งในการสาธิตนี้ อาจรวมเอาสิ่งของที่ใช้ประกอบหลายอย่าง นับตั้งแต่ของจริงไปจนถึงตัวหนังสือ หรือคำพูดเข้าไว้ด้วย แต่เราไม่เพ่งเล็งถึงสิ่งเหล่านี้ เราจะให้ความสำคัญกับกระบวนการทั้งหมดที่ผู้เรียนจะต้องเฝ้าสังเกตอยู่โดยตลอด

5. การศึกษานอกสถานที่ การพานักเรียนไปศึกษานอกสถานที่ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเพื่อให้นักเรียนได้เรียนจากแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ที่มีอยู่จริงภายนอกห้องเรียน ดังนั้นการศึกษานอกสถานที่จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นสื่อกลางให้นักเรียนได้เรียนจากของจริง

6. นิทรรศการ นิทรรศการมีความหมายที่กว้างขวาง เพราะหมายถึง การจัดแสดงสิ่งต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ชม ดังนั้นนิทรรศการจึงเป็นการรวมสื่อต่าง ๆ มากมายหลายชนิด การจัดนิทรรศการที่ให้ผู้เรียนมามีส่วนร่วมในการจัด จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์มีส่วนร่วม และได้รับข้อมูลย้อนกลับด้วยตัวของเขาเอง

7. โทรทัศน์และภาพยนตร์ โทรทัศน์เป็นสื่อการสอนที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน เพราะได้เห็นทั้งภาพและได้ยินเสียงในเวลาเดียวกัน และยังสามารถแพร่และถ่ายทอดเหตุกาณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วย นอกจากนั้นโทรทัศน์ยังมีหลายรูปแบบ เช่น โทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งโรงเรียนสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์วงจรปิด ที่เอื้อประโยชน์ต่อการศึกษาอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์เป็นสื่อที่จำลองเหตุการณ์มาให้ผู้ชมหรือผู้เรียนได้ดูและได้ฟังอย่างใกล้เคียงกับความจริง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ ถึงอย่างไรก็ตามภาพยนตร์ก็ยังนับว่าเป็นสื่อที่มีบทบาทมากในการเรียนการสอน เช่นเดียวกันกับโทรทัศน์

8. ภาพนิ่ง การบันทึกเสียง และวิทยุ ภาพนิ่ง ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซึ่งมีทั้งภาพทึบแสงและโปร่งแสง ภาพทึบแสงคือรูปถ่าย ภาพวาด หรือภาพในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ส่วนภาพนิ่งโปร่งใสหมายถึงสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพโปร่งใสที่ใช้กับเครื่องฉายวัสดุโปร่งใส เป็นต้น ภาพนิ่งสามารถจำลองความเป็นจริงมาให้เราศึกษาบนจอได้ การบันทึกเสียง ได้แก่ แผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียง เทปและเครื่องบันทึกเสียง และเครื่องขยายเสียงตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเสียง ซึ่งนอกจากจะสามารถนำมาใช้อย่างอิสระในการเรียนการสอนด้วยแล้ว ยังใช้กับรายการวิทยุและกิจกรรมการศึกษาอื่น ๆ ได้ด้วย ส่วนวิทยุนั้น ปัจจุบันที่ยอมรับกันแล้วว่า ช่วยการศึกษาและการเรียนการสอนได้มาก ซึ่งไม่จำกัดอยู่แต่เพียงวิทยุโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงวิทยุทั่วไปอีกด้วย

9. ทัศนสัญญลักษณ์ สื่อการสอนประเภททัศนสัญญลักษณ์นี้ มีมากมายหลายชนิด เช่น แผนภูมิ แผนภาพ แผนที่ แผนผัง ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็นต้น สื่อเหล่านี้เป็นสื่อที่มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์สำหรับถ่ายทอดความหมายให้เข้าใจได้รวดเร็วขึ้น

10.วจนสัญญลักษณ์ สื่อขั้นนี้เป็นสื่อที่จัดว่า เป็นขั้นที่เป็นนามธรรมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ ตัวหนังสือหรืออักษร สัญลักษณ์ทางคำพูดที่เป็นเสียงพูด ความเป็นรูปธรรมของสื่อประเภทนี้จะไม่คงเหลืออยู่เลย อย่างไรก็ดี ถึงแม้สื่อประเภทนี้จะมีลักษณะที่เป็นนามธรรมที่สุดก็ตาม เราก็ใช้ประโยชน์จากสื่อประเภทนี้มาก เพราะต้องใช้ในการสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลาการพิจารณาในการเลือกใช้ลำดับประสบการณ์ ในการเรียนการสอน ไม่ถือว่าประสบการณ์ขั้นแรกมีความสำคัญ และจำเป็นกว่าขั้นหลัง ๆ เราอาจจะใช้ขั้นใดก็ได้ที่จะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องใช้หลาย ๆ ประสบการณ์ปะปนกันตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ เนื้อหา และสถานการณ์ในการสอน ประสบการณ์ตรงบางครั้งก็ไม่เหมาะที่จะจัดให้นักเรียน เช่น อาจเสี่ยงอันตราย หรือผิดศีลธรรม และต้องไม่ถือว่าประสบการณ์ชั้นต้น ๆ เหมาะสำหรับเด็กโต ประสบการณ์ชั้นบน ๆ เหมาะสำหรับเด็กเล็กเจมส์เอส. คินเดอร์ (James S. Kinder) ได้จัดแบ่งไว้เป็น 3 ลำดับ โดยยึดหลักว่าความเข้าใจในสิ่งที่เป็นรูปธรรมย่อมง่ายกว่าสิ่งที่เป็นนามธรรม โดยแสดงด้วยไดอะแกรมที่เรียกว่า Perspective of Audio visual
ประสบการณ์แทนด้วยคำพูด ใช้สัญญลักษณ์ซึ่งเป็นนามธรรมแทน ของจริง เช่น คำพูด การเขียน สูตรต่าง ๆ................................................................................ประสบการณ์แทนด้วยโสตทัศนวัสดุ เช่น ของตัวอย่าง รูปภาพ หุ่นจำลอง ภาพเลื่อน ภาพยนตร์ ...................................................................................................ประสบการณ์ตรง ประสบการณ์และการกระทำด้วยตนเอง เช่น การสัมภาษณ์ ทัศนศึกษา กิจกรรมบริการและประสบการณ์จากการทำงาน

1 ความคิดเห็น:

ผศ.ดร.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์ กล่าวว่า...

-สีและการตกแต่ง5
-เนื้อหาและภาพประกอบ5

กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 33 ศาลายาเกมส์

วอร์มก่อนทำการแข่งขัน

ขอให้ความรักของหนุ่มสาวเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ เทียบเทียบกับการที่ธรรมชาติรักสิ่งที่มีชีวิต
---------------------------------------------------
*************************** ข้าพเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษอะไร ข้าพเจ้าเพียงแต่มีความกระหายใคร่รู้อยู่ เสมอ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยากรู้ พากเพียรอย่างทรหด และสำรวจวิจารณ์ความรู้ของตัวเองเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้คือที่มาของแนวคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า ************************** ต้า_คนกันดาร
********************************///

มารู้จักกับผมในอีกมุมกันครับ

ถ้าจะย้อนเวลากลับไปเมื่อยังเป็นเด็กน้อย ผมใช้ชีวิตอยู่กับกีฬา เซปัคตะกร้อ ซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเริ่มเตะตะกร้อ ตอนอายุ 9 ขวบ โดยการชักชวนของ อ.เพิ่มวิทย์ ประทุมพันธ์ ผู้ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับกีฬาตะกร้อให้ผม ตอนนั้นเรียนผมเรียนอยู่ประมาณ ป 3 ผมจะต้อง ตื่นแต่เช้า ตั้งแต่ตี 5 ถึง 7 โมงเช้า เพื่อมาฝึกหัด เตะตะกร้อ และ ตอนเย็น บ่าย 3 โมง ถึง 6 โมงเย็น เป็นประจำทุกวัน ผมทำอย่างนี้อยู่ได้ประมาณ เกือบ ปี และก็ต้องมีเหตุให้ต้องหยุดเตะตะกร้อ เพราะ อาจารย์ผม ไปช่วยราชการในกระทรวง ตอนนั้นยอมรับว่าเคว้งคว้าง คิดอาจารย์มาก ผมต้องเตะตะกร้อแบบไม่มีครูสอน ทำให้ผมท้อ ผมจึงหยุด หยุดนานเหมือนกัน และเมื่อผม ขึ้นเรียนชั้น ป.5 ผมได้ข่าวว่าอาจารย์เพิ่มวิทย์จะกลับมาสอนแล้ว ทำให้ผมตื่นเต้นมาก ที่จะได้เจออาจารย์อีกครั้ง และฝันก็เป็นจริง อาจารย์เพิ่มวิทย์กลับมาสอนจริง ๆ และที่สำคัญ สอนประจำชั้น ที่ผมเรียนอยู่ด้วย และอาจารย์ก็เริ่มฝึกหัดตะกร้อให้ผมอีกครั้ง ตำแหน่งที่อาจารย์วางให้ผมเล่นคือ Back ตัว เสิร์ฟ นั่นเอง เป็นตำแหน่งที่เหนื่อย กว่าเพื่อน และสำคัญที่สุด ผมยังจำได้ แข่งขันก๊ฬานักเรียน ประจำอำเภอตอนไหนหละก็ ถ้าได้ยินชื่อผมหละก็ คู่แข่งที่เป็นเด็กด้วยกัน แม้กระทั่งโคช ทีมฝั่งตรงข้ามถึงกับต้องคิดหนักเลยทีเดียว ผมสร้างชื่อเสียงเกี่ยวกับกีฬาตะกร้อไว้มาก สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนก็ไม่น้อย และเมื่อจบชั้นประถมศึกษา ผมตั้งใจสูงมากที่จะสอบเข้าโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานีให้ได้ ผมอยากเรียนมาก ผมจึงชวนรุ่นพี่คนหนึ่งไปสอบด้วยกัน วันแรก ผมดีใจมาก รอบแรกมีรายชื่อผม แต่ก็ต้องเสียใจ รุ่นพี่ที่ไปด้วยกัน ไม่ผ่าน วันที่ 2 ผมไปทดสอบอีก ผมเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ว่าจะมีรายชื่อผมผ่านเข้าไปทดสอบด่านที่ 3 ไหม และแล้วความหวังก็พังสลาย ไม่มีรายชื่อผมเพื่อสอบข้อเขียน ผมเสียใจอยู่พักหนึ่ง ก็เริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่ โดยไปสมัครเรียนโรงเรียนมัธยมใกล้บ้าน และก็ตามเคยครับ จะต้องสมัครเข้าคัดเป็นนักกีฬาตะกร้อของโรงเรียนให้ได้ ไม่ยากครับ ชื่อเสียงที่สร้างไว้ ทำให้ผมไม่ต้องคัดตัวยาก ผมเป็นตัวแทนแข่งขันตั้งแต่ ม.1-ม.6 โดยตำแหน่งที่ผมเล่น ผมไม่ได้แบ็คนะครับ ผมผันตัวมาเป็นตัวเตะ ตัวฝาดที่มีประสิทธิภาพเลยทีเดียว เดี่ยวผมจะบอกว่ารางวัลที่ผมได้รับมีอะไรบ้าง ----------------------------------------- ปี 2542 : ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เหร๊ยญเงินกีฬาดอกบัวเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ในการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อประเภททีมชุดชาย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตำแหน่งที่เล่น หน้าขวาตัวทำ ***************************** ปี 2543 : ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของสหวิทยาเขตอุบลใต้ ในการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อประเภททีมเดี่ยวชาย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตำแหน่งที่เล่น หน้าขวาตัวทำ ***************************** ปี 2543 : เข้าแข่งขันกีฬานักเรียนเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นตัวแทนเขตเข้าไปแข่งขันในเขตภูมิภาค น่าเสียดาย เราได้แค่ เหรียญทองแดงมา เลยอดไปเล่มทีมเขตเลย ตอนนั้นผมเสียใจมาก หยุดเล่นตะกร้อไปนานเหมือนกัน ***************************** ต่อมาปี 2545 : ผมเป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาสหวิทยาอุบลใต้ แต่ตอนนี้เป็นรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี คู่แข่งก็พัฒนาฝีเท้าเร็วมาก ทำให้ผมคิดหนักเหมือนกัน แต่เราก็คว้าแชมป์ ชนะเลิศอันดับ 1 ได้ ถึงตอนนี้ผมก็ยังเล่น หน้าขวากระโดดฟาดเหมือนเดิมครับ หลังจากนี้ผมก็ไปตระเวนเตะเดิมพัน แถว อำเภอใกล้เคียง ได้บ้าง เสียบ้าง ***************************** และก็ได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ก็ลองไปคัดตัวก็ติดเป็นตัวจริงกับเขา ตำแหน่งที่เล่นก็ ตัวฟาดเหมือนกันเดิม เล่นทั้งทีมชุดทีมเดียว ***************************** แต่ตอนนี้ กล้ามเนื้อหัวเข่าผมฉีกผมเล่นตะกร้อไม่ได้แล้ว....... อยู่ในหว่างการรักษาครับ เสียใจมาก ๆ สรุปรวมเล่นตะกร้อมาทั้งหมด เกือบ 10 ปีหละครับ เคยเดาะตะกร้อทำสถิติไว้ ที่ 2900 ครั้ง โดยไม่ตกซักที ครับ *****************************